ข้อมูลประเทศบรูไนดารุสซาราม
ธงชาติ
ตราแผ่นดิน
ชื่อทางการ: เนการา บรูไน ดารุสซาลาม (Negara Brunei Darussalam)
วันเดือนปีที่เข้าเป็นสมาชิก 8 มกราคม 2527
พื้นที่:5,765 ตารางกิโลเมตร
เมืองหลวง:บันดาร์ เสรี เบกาวัน (Bandar Seri Begawan)
ประชากร : 370,000 คน ( ปี พ.ศ. 2548 )
ภาษาราชการ:ภาษามาเลย์ ( Malay หรือ Bahasa Melayu)
ศาสนา:ร้อย ละ 67 ของประชากรทั้งประเทศนับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 13 นับถือพระพุทธศาสนา ร้อยละ 10 นับถือศาสนาคริสต์ ที่เหลือนับถือศาสนาฮินดู
ระบอบการปกครอง:ประชาธิปไตย
สกุลเงิน:ดอลลาร์บรูไน (Brunei Dollar : BND)
ที่ตั้ง
ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะบอร์เนียว ทิศตะวันออก ตะวันตกและทิศใต้ติดเขตซาราวัก ประเทศมาเลเซีย
โดยพื้นที่ร้อยละ 70 เป็นป่าไม้
พื้นที่
5,765 ตารางกิโลเมตร แบ่งเป็น 4 เขต คือ Brunei-Muara, Belait, Temburong และ Tutong
เมืองหลวง
บันดาร์เสรีเบกาวัน (Bandar Seri Begawan) อยู่ในเขต Brunei-Muara
ประชากร
374,577 คน (2550) เชื้อชาติมาเลย์ 250,967 คน (67%) จีน 56,187 คน (15%) และอื่น 67,424 คน (18%)
อัตราการเพิ่มประชากรปีละ 3.5 % (2550)
ภูมิอากาศ
ร้อนชื้น มีฝนตกชุกตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ย 23-32 องศาเซลเซียส ฝนตกหนักสุดช่วงเดือนกันยายนถึงมกราคม
และพฤษภาคมถึงกรกฎาคม อากาศเย็นสบายที่สุดจะอยู่ช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน
ภาษา
ภาษามาเลย์ (Bahasa Melayu) เป็นภาษาราชการ ภาษาอังกฤษและภาษาจีนเป็นภาษาที่ใช้สื่อสารแพร่หลาย
ศาสนา
ศาสนาประจำชาติ คือ ศาสนาอิสลาม (67%) ศาสนาอื่น ๆ ได้แก่ ศาสนาพุทธ (13%) ศาสนาคริสต์ (10%) และฮินดู
หน่วยเงินตรา
ดอลลาร์บรูไน (Brunei Dollar) ประมาณ 1.37 ดอลลาร์บรูไน/1 ดอลลาร์สหรัฐ (1)หรือ ประมาณ
23.98 บาท/ 1 ดอลลาร์บรูไน (2) (บรูไนมีความตกลงแลกเปลี่ยนเงินกับสิงคโปร์ทำให้เงินดอลลาร์บรูไนมีมูลค่า
เท่ากับเงินดอลลาร์สิงคโปร์และสามารถใช้แทนกันได้ แต่อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทกับดอลลาร์สิงคโปร์ ประมาณ
23.95บาท/ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์)
GDP
GDP *18,918 ล้านดอลลาร์บรูไน (2549) GDP per capita 49,400 ดอลลาร์บรูไน (2549) GDP Growthร้อยละ 3.8
ระบอบการปกครอง สมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดยมีสมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัลโบลเกียห์ มูอิซซัดดิน วัดเดาละห์ (His Majesty Sultan HajiHassanal Bolkiah Mu’izzaddin Waddaulah) ทรงเป็นสมเด็จพระราชาฯ องค์ที่ 29 ทรงเป็นองค์พระประมุขของประเทศตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2510 ซึ่งในปีนี้ (2551) เป็นวาระเฉลิมฉลองพระชนมายุครบ 62 ปี ของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนฯ
วันสำคัญ วันประกาศอิสรภาพ 1 มกราคม พ.ศ.2527 วันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระราชาธิบดีฯ 15 กรกฎาคม
การเมืองการปกครอง – ปัจจุบันรัฐบาลของประเทศบรูไนประกอบได้ด้วย 12 กระทรวง คือ – กระทรวงกลาโหม – กระทรวงการคลัง – กระทรวงการต่างประเทศ – กระทรวงมหาดไทย – กระทรวงศึกษาธิการ – กระทรวงอุตสาหกรรม – กระทรวงศาสนา – กระทรวงการพัฒนา – กระทรวงวัฒนธรรม เยาวชนและกีฬา – กระทรวงสาธารณสุข – กระทรวงคมนาคม
* อ้างอิงจากฐานข้อมูลของ Brunei Economic Development Board(BEDB) เศรษฐกิจการค้า สังคม – บรูไนฯ จัดระเบียบสังคมตามข้อบัญญัติของศาสนามุสลิมและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด – บรูไนฯ มีระบบรัฐสวัสดิการที่มีประสิทธิภาพ โดยรัฐให้หลักประกันด้านการศึกษา การเคหะและการรักษาพยาบาล และไม่มีการเก็บภาษีเงินได้ ทำให้บรูไนฯ ไม่มีปัญหาทางการเมือง อย่างไรก็ดี ปัญหาสังคมที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ได้แก่ การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ปัญหาการว่างงาน (ณ เดือนพฤษภาคม 2550 มีสถิติการว่างงาน 5,814 คน) ซึ่งรัฐบาลพยายามโน้มน้าวให้ประชาชนทำงานในภาคเอกชนมากขึ้น แทนที่จะรองานราชการเพียงอย่างเดียวเช่นในอดีต
ต่างประเทศ นโยบายต่างประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับบรูไนดารุสซาลาม ความสัมพันธ์ทั่วไป ไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับบรูไน ฯ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2527 (ค.ศ. 1984) เมื่อบรูไนฯ เป็นเอกราชและเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน ซึ่งทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาโดยตลอด โดยเฉพาะในระดับราชวงศ์ มีการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับราชวงศ์ ผู้นำระดับสูงของรัฐบาล และผู้นำระดับสูงของกองทัพอยู่เสมอ ล่าสุดสมเด็จพระราชาธิบดีฯ และสมเด็จพระราชินีได้เสด็จมาร่วมพิธีเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ระหว่างวันที่ 11-14 มิถุนายน 2549 และนายกรัฐมนตรีพลเอก สุรยุทธ์ฯ เยือนบรูไนฯ อย่างเป็นทางการหลังจากเข้ารับตำแหน่งตามธรรมเนียมปฏิบัติของผู้นำอาเซียน เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2549 และ นรม. เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดี ครั้งล่าสุดในการประชุมผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 12 ที่เมืองเซบู เมื่อต้นปี 2550 นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังมีทัศนคติที่ดีต่อกัน ไม่เคยมีความบาดหมางทางประวัติศาสตร์และมักเป็นพันธมิตรในเรื่องต่าง ๆ ทั้งในกรอบอาเซียนและกรอบสหประชา ชาติ
ความสัมพันธ์ด้านการเมือง ไทยและบรูไนได้จัดตั้งกลไกความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกัน คือ คณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย-บรูไน ซึ่งมีการประชุมครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 30 – 31 มีนาคม 2546 ที่กรุงเทพฯ ซึ่งได้มีการหารือเกี่ยวกับการส่งเสริมความ สัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การทหาร การค้า การลงทุน การประมง แรงงาน การท่องเที่ยวและวัฒนธรรม โดยไทยประสบความสำเร็จในการโน้มน้าวให้บรูไนฯ ให้ความสำคัญกับการลงทุนในอุตสาหกรรม อาหารฮาลาลและร่วมมือกันจัดตั้งธนาคาร อิสลามแห่งประเทศไทยขึ้นเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2546 มีการจัดตั้งกองทุนร่วม (Matching Fund) “กองทุนไทยทวีทุน” (ระหว่าง Brunei Investment Agency กับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ)
ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้า การค้ารวมระหว่างไทยกับบรูไน ฯ ในปี 2549 มีมูลค่าการค้ารวม 210.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 0.08 ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทย โดยไทยขาดดุลการค้ากับบรูไน ฯ 45.3 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ สินค้าที่ไทยส่งออกไปยังบรูไนฯ คือ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ข้าว เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เสื้อผ้าสำเร็จรูป น้ำตาลทราย ปูนซิเมนต์ ผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์เซรามิก เครื่องจักรกล และเครื่องคอมพิวเตอร์ สินค้าที่ไทยนำเข้าจากบรูไนฯ คือ น้ำมันดิบ สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ธุรกรรมพิเศษ สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะ และผลิตภัณฑ์ เครื่องจักรก และส่วนประกอบ วัสดุทำจากยางและสิ่งพิมพ์ และเครื่องใช้เบ็ดเตล็ด ภาคเอกชนของไทยได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจกับบรูไนฯ 3 ฉบับในปี 2545 ได้แก่ – Memorandum of Understanding between the Brunei Investment Agency and the Government Pension Fund of Thailand – Memorandum of Understanding between the Government of His Majesty the Sultan and Yang di-Pertuan of Brunei Darussalam and Chia Meng Group – Memorandum of Understanding between the Brunei Investment Agency and the Biz Dimension Co. Ltd. สำหรับบริษัทไทยที่ลงทุน ในบรูไนฯ คือ บริษัท Brunei Construction ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ไม่มีบริษัทที่เป็นของคนไทยล้วน ๆ ในบรูไนฯ เนื่องจากตามกฎหมายบรูไนฯ การ ทำกิจการต่าง ๆ จะต้องมีคนบรูไนฯ เป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วย สำหรับธุรกิจไทยในบรูไนฯ ส่วนมากจะเป็นร้านขายของ ร้านอาหาร ร้านตัดเสื้อ และอู่ซ่อมรถ เมื่อปี 2548 มีนักท่องเที่ยวจากบรูไน ฯ เดินทางมาไทยจำนวน 9,499 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2547 (9,345 คน) ร้อยละ 1.65 ทั้งนี้ แม้ว่านักท่องเที่ยวบรูไน ฯ จะเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยจำนวนไม่มากนัก แต่ก็เป็นนักท่องเที่ยวที่มีการใช้จ่ายสูงและมีศักยภาพที่จะเพิ่มจำนวนอีก ได้ ทั้งที่เป็นลูกค้าประจำและผู้ที่นิยมสายการบินไทย
แรงงาน ปัจจุบันมีแรงงานไทยในบรูไน ฯ ประมาณ 8,000 คน (2550) โดยส่วนใหญ่เป็นแรงงานไร้ฝีมือ ทำงานในกิจการก่อสร้าง อุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าสำเร็จรูปเพื่อการส่งออก นอกนั้น ทำงานในภาคธุรกิจบริการ เช่น ห้าง สรรพสินค้า ร้านอาหาร การตกแต่งดูแลสวน ช่างซ่อม และงานในภาคเกษตรกรรม แรงงานไทยส่วนใหญ่ได้รับการยอมรับอย่างดีจากนักธุรกิจ ในบรูไน ฯ เพราะมีความซื่อสัตย์ อดทน ขยัน หมั่นเพียร และมีความรับผิดชอบแม้จะด้อยในเรื่องภาษา อย่างไรก็ดียังมีปัญหาอยู่บ้างโดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างนาย จ้างกับลูกจ้าง อาทิ อัตราค่าจ้างที่ไม่สอดคล้องกับความสามารถในการทำงาน และการขาดความรู้และความเข้าใจต่อกฎระเบียบ ข้อบังคับของสัญญาจ้าง ความสัมพันธ์ทางสังคมและวัฒนธรรม
ด้านวัฒนธรรม ที่ประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างประเทศไทยกับ บรูไน ฯ ครั้งที่ 1 ที่กรุงเทพ ฯ เมื่อวันที่ 30 – 31 มีนาคม 2546 เห็นพ้องในการขยายความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรม ในปี 2546 ซึ่งเป็นวาระฉลองครบรอบ 20 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-บรูไน ฯ สถานเอกอัครราชทูต ณ บันดาร์ เสรี เบกาวัน ได้ร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวัฒนธรรมและการกีฬาบรูไน ฯ จัดกิจกรรม Thailand Festival 2003 โดยมีการแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรม นำคณะนาฏศิลป์และนักดนตรีมาเปิดการแสดงทางวัฒนธรรมที่บรูไน ฯ
ด้านวิชาการ ปัจจุบันไม่มีนักศึกษาไทยศึกษาอยู่ในบรูไนฯ แล้ว ต่างจากในอดีตที่มีนักศึกษามุสลิมจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับทุนจากรัฐบาล บรูไนฯ ให้มาศึกษาทางด้านรัฐศาสตร์และการศาสนา เนื่องจากบรูไนฯ พิจารณาเรื่องการให้ทุน การศึกษาเป็นเครื่องมือในการดำเนินนโยบาย อย่างไรก็ดี ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาไทยประกาศตัวเป็นประเทศผู้ให้โดยไม่ประสงค์เป็นผู้รับอีกต่อไป เพื่อแสดงความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจตามนโยบายของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณฯ บรูไนจึงงดทุนทั้งหมดที่เคยให้รัฐบาลไทย อนึ่ง ในปี 2549 ไทยได้ให้ทุนการศึกษาแก่บรูไนฯ จำนวน 1 ทุน ได้แก่ Thai Language Learning among ASEAN Diplomats
ด้านข้อมูลข่าวสาร ในปี 2544 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยและบรูไนฯ ได้ร่วมลงนามใน บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีด้านสารสนเทศและการกระจายเสียง และภาพระหว่าง ไทย-บรูไนฯ (MoU on Cooperation in the field of Information and Broadcasting) เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือ ด้านข้อมูลข่าวสารและประชาสัมพันธ์ การแลกเปลี่ยนรายการวิทยุ โทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์ที่มีสาระ รอันจะก่อให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งในปัจจุบันได้มีการดำเนินโครงการภายใต้ MoU ดังกล่าวแล้ว โดยมีการจัดประชุมคณะกรรมการร่วมด้านเทคนิคไทย-บรูไน ฯ (Joint Technical Committee on Information and Broadcasting ) นอกจากนี้ สถานีวิทยุกระจาย เสียงแห่งประเทศไทยและสถานีวิทยุบรูไน ฯ ยังได้ร่วมกันจัดกิจกรรมการแสดงดนตรีและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ระหว่าง เป็นประจำทุกปี โดยครั้งล่าสุดเป็นการจัดงานครั้งที่ 4 ภายใต้ชื่องาน Alai-Krathong ณ Jerudong Park Amphitheatre เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2550 โดยมีนักร้อง และคณะนักแสดงจากประเทศไทยเดินทางมาบรูไนฯ เพื่อเปิดการแสดงร่วมกับศิลปินชาวบรูไนฯ ซึ่งได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากจากผู้ชมทั้งชาวบรูไนฯ และชาวไทยที่อาศัยอยู่ในบรูไนฯ และในวันที่ 14-18 ตุลาคม 2550 ข้าราชการจากกรมประชาสัมพันธ์จะเดินทางเยือนบรูไนฯตามโครงการแลกเปลี่ยนใน กรอบ MoU ความสัมพันธ์ไทย-บรูไน |
ความตกลงที่สำคัญ
– ความตกลงทางการบิน (ลงนามเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2530) – บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคีไทย-บรูไนฯ (ลงนามเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2542) – บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีด้านสารสนเทศและการกระจายเสียง และภาพระหว่างไทย-บรูไนฯ(ลงนามเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2544) – พิธีสารว่าด้วยการเปิดเสรีด้านการขนส่งสินค้าทางอากาศ (ลงนามเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2547) |
การเสด็จเยือนที่สำคัญ
ฝ่ายไทย ระดับพระราชวงศ์ – เมื่อวันที่ 7 – 14 กันยายน 2534 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จ ฯ เยือนบรูไน ฯ – เมื่อวันที่ 4 – 6 ตุลาคม 2535 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมารเสด็จ ฯ แทนพระองค์เพื่อทรงร่วมพระราชพิธีรัชดาภิเษกของสมเด็จพระราชาธิบดี – เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2549 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จทรงฝึกบินเส้นทางบรูไนฯ – กรุงเทพฯ และประทับ ณ ท่าอากาศยานบันดาร์ เสรี เบกาวัน เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ระดับรัฐบาล – เมื่อวันที่ 19 – 20 มีนาคม 2540 พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี เยือนบรูไน ฯ – เมื่อวันที่ 4 – 6 พฤษภาคม 2541 ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เยือนบรูไน ฯ – เมื่อวันที่ 14 – 15 กรกฎาคม 2544 ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เยือนบรูไนฯ เพื่อเข้าร่วมพระราชพิธีฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระราชาธิบดี แห่งบรูไน ฯ – เมื่อวันที่ 16 – 17 สิงหาคม 2544 พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เยือนบรูไน ฯ อย่างเป็นทางการ – เมื่อวันที่ 14 – 16 กรกฎาคม 2546 ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เยือนบรูไนฯ เพื่อเข้าร่วมพระราชพิธีฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระราชาธิบดี บรูไน ฯ – เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2546 พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เยือนบรูไน ฯ เพื่อเป็น Keynote Speaker ของการประชุม General Meeting ครั้งที่ 15 ของสภาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในแปซิฟิก (Pacific Economic Cooperation Council – PECC) – เมื่อวันที่ 14 – 16 กรกฎาคม 2547 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองนายกรัฐมนตรีเยือนบรูไน ฯ เพื่อเข้าร่วมพระราชพิธีฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระราชาธิบดี แห่งบรูไน ฯ – เมื่อวันที่ 9 – 10 กันยายน 2547 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองนายกรัฐมนตรี เยือนบรูไน ฯ เพื่อเข้าร่วมพระราชพิธีอภิเษกสมรสของมกุฎราชกุมารแห่งบรูไน ฯ ในฐานะผู้แทน พตท. ทักษิณ ชินวัตร (เป็นการเชิญเฉพาะบุคคล) – เมื่อวันที่ 18 – 19 พฤษภาคม 2548 ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เยือนบรูไน ฯ อย่างเป็นทางการ – เมื่อวันที่ 14 – 16 กรกฎาคม 2548 ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เยือนบรูไน ฯ เพื่อ เข้าร่วมพระราชพิธีฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระราชาธิบดี แห่งบรูไน ฯ – เมื่อวันที่ 15 – 16 กรกฎาคม 2549 พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เยือนบรูไน ฯ เพื่อเข้าร่วมพระราชพิธีเฉลิมฉลอง วันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไน ฯ – เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2549 พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เยือนบรูไน ฯ อย่างเป็นทางการ
ฝ่ายบรูไน ฯ – เมื่อวันที่ 1 – 4 พฤศจิกายน 2531 สมเด็จพระราชาธิบดีเสด็จ ฯ เยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว – เมื่อวันที่ 15 – 17 พฤษภาคม 2541 สมเด็จพระราชาธิบดีเสด็จ ฯ เยือนไทยอย่างเป็นทางการในลักษณะ Working Visit – เมื่อวันที่ 21 – 25 พฤษภาคม 2543 มกุฎราชกุมารบรูไน ฯ เสด็จ ฯ เยือนไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะพระอาคันตุกะของรัฐบาลไทย – เมื่อวันที่ 26 – 28 สิงหาคม 2545 สมเด็จพระราชาธิบดี สมเด็จพระราชินี และพระมเหสีแห่งบรูไน ฯ เสด็จ ฯ เยือนไทย ในฐานะพระราชอาคันตุกะ – เมื่อวันที่ 16 – 18 เมษายน 2548 สมเด็จพระราชาธิบดีและเจ้าชายโมฮาเหม็ด โบลเกียห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบรูไน ฯ เสด็จ ฯ เยือนไทยเป็นการส่วนพระองค์ โดยเป็นแขกของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี – เมื่อวันที่ 11- 14 มิถุนายน 2549 สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งบรูไนฯ ได้เสด็จฯ มาร่วมพิธีเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว *สมเด็จพระราชาธิบดีฯ เสด็จประพาสไทยเป็นการส่วนพระองค์หลายครั้ง
ระดับรัฐบาล – เมื่อวันที่ 11 – 12 กุมภาพันธ์ 2543 สมเด็จพระราชาธิบดีเสด็จ ฯ เยือนไทยอย่างเป็นทางการเพื่อร่วมประชุม ASEAN-UN Summit ซึ่งจัดขึ้นระหว่างการประชุม UNCTAD X – เมื่อวันที่ 23 – 26 กรกฎาคม 2543 เจ้าชายโมฮาเหม็ด โบลเกียห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบรูไน ฯ เสด็จ ฯ เยือนไทยเพื่อร่วมประชุม AMM/PMC ครั้งที่ 33 – เมื่อวันที่ 20 – 21 กุมภาพันธ์ 2545 เจ้าชายโมฮาเหม็ด โบลเกียห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบรูไน ฯ เสด็จ ฯ เยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาเซียน อย่างไม่เป็นทางการ (ASEAN Foreign Ministers Retreat) ที่จังหวัดภูเก็ต – เมื่อวันที่ 29 มีนาคม – 1 เมษายน 2546 เจ้าชายโมฮาเหม็ด โบลเกียห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศบรูไน ฯ เสด็จ ฯ เยือนไทยเพื่อเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ ไทย-บรูไนฯ ครั้งที่ 1 – เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2546 สมเด็จพระราชาธิบดีเสด็จ ฯ เยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำอาเซียน และผู้นำอาเซียน-จีน สมัยพิเศษ ว่าด้วยโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS) ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพที่กรุงเทพฯ – เมื่อวันที่ 20 – 21 ตุลาคม 2546 สมเด็จพระราชาธิบดีเสด็จ ฯ เยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 11 – เมื่อวันที่ 13 – 15 กุมภาพันธ์ 2549 นายลิม จ็อก เส็ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้า คนที่ 2 ของบรูไนฯ เยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะผู้ทรงคุณวุฒิในเรื่องกฎบัตรอาเซียน ครั้งที่ 2 ที่กรุงเทพฯ
แหล่งอ้างอิง: http://www.aseankan1.com/index.php?mo=3&art=650853 |